.-.-. A I - K O .-.-.

nitchawan - ppuk - hinghoi - ssff   

older recent guestbook host design

first diary // 2002-12-08

8 ธ.ค. 45

น้องไอ...

กว่าแม่จะได้เริ่มเขียนบันทึกนี้หนูก็อายุ 1 เดือน กับ 5 วันแล้ว จริงๆ แล้วแม่ตั้งใจจะเขียนตั้งแต่ตอนหนูคลอดใหม่ๆ แต่หนูรู้ไหมว่าเวลาที่หนูอยู่ในท้องแม่กับเวลาที่หนูออกมาอยู่ข้างนอกแล้วนั้น มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนที่หนูอยู่ในท้องแม่จะทำอะไรก็ได้ หนูก็อยู่กับแม่ตลอด ความต้องการของหนูที่แม่รับรู้ได้ก็คงเป็นเพียงแค่ความหิว ซึ่งแม่จะรู้สึกหิวบ่อยขึ้นกว่าปกติเท่านั้นเอง

แต่พอหนูออกมาเป็นตัวเป็นตนอยู่ภายนอก ทุกอย่างในชีวิตของแม่ดูจะอลหม่านและวุ่นวายเป็นที่สุด ทำให้แม่ไม่มีเวลาเขียนบันทึกอย่างที่ตั้งใจไว้ ความจริงแล้วแม่ล้มเลิกความคิดที่จะเขียนบันทึกไปแล้วด้วยซ้ำในช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่แม่รู้สึกเหนื่อยมากๆ แต่ในที่สุดแม่ก็คิดว่าความรู้สึกที่ผ่านมาตั้งแต่หนูเริ่มจะลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกนั้น เป็นความทรงจำที่ดี ซึ่งแม่ไม่อยากลืม อีกอย่างหนึ่งก็คือ แม่คิดว่าการที่แม่เขียนบันทึกถึงหนู น่าจะช่วยให้แม่รู้สึกดีขึ้นในบางสถานการณ์ที่แม่รู้สึกเหนื่อยและหมดแรงมากๆ

เรื่องแรกที่แม่อยากเล่าให้หนูฟังตอนนี้ก็คือ เหตุการณ์วันที่หนูเกิด แม่ไปพบคุณหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัดในวันที่ 2 ธ.ค. ปรากฎว่าคุณหมอบอกว่าปากมดลูกเปิดแล้ว พรุ่งนี้ให้มาร.พ.เพื่อรอคลอดได้เลย แม่ตื่นเต้นมากเพราะแม่อยากให้หนูออกมาเร็วๆ เหมือนกัน (จริงๆ แล้ววันครบกำหนดคลอดของหนูคือวันที่ 11 ธ.ค.) พอวันรุ่งขึ้นป๊าก็พาแม่ไปร.พ.แต่เช้า หมอก็เจาะถุงน้ำคร่ำเพื่อช่วยให้การคลอดเร็วขึ้นตั้งแต่ แปดโมงเช้า หลังจากนั้นแม่ก็นอนอยู่บนเตียงตลอดโดยมีป๊าอยู่ข้างๆ ความตั้งใจของแม่คือ อยากจะคลอดหนูเองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด แล้วแม่ก็ได้รับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดของการคลอดลูกด้วยตัวเองจริงๆ หลังจากที่เคยได้ยินใครต่อใครพูดให้ฟัง มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แม่คิดว่าวันนึงหนูก็คงจะมีความรู้สึกนี้เองเหมือนกันเพราะหนูเป็นผู้หญิง หนูก็จะต้องมีโอกาสได้ทำหน้าที่แม่เช่นกัน

แม่รู้สึกเจ็บเป็นระยะๆ ตั้งแต่แปดโมงเช้า ได้แต่เฝ้ามองเข็มนาฬิกาขยับไปทีละน้อย รอว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาคลอด (คุณหมอกะไว้ว่าประมาณ 4-5 โมงเย็น) จนเที่ยงวัน ความรู้สึกเจ็บก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแม่รู้สึกจะทนไม่ไหว คุณพยาบาลให้คำแนะนำว่า มีวิธีลดความเจ็บปวด 3 วิธีคือ การกินยาแก้ปวด แต่วิธีนี้ไม่ค่อยช่วยอะไรมากนัก อีกวิธีคือการฉีดยาชา แต่วิธีนี้จะมีผลกระทบถึงตัวหนู คือเมื่อคลอดแล้ว จะทำให้หนูไม่ร้อง วิธีสุดท้ายคือ การบล็อคหลัง ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดได้ดีที่สุด ไม่มีผลกระทบถึงตัวหนู แต่จะมีปัญหาเวลาที่แม่จะต้องเบ่งคลอด เพราะความชาจะทำให้แม่ไม่รู้จังหวะเบ่ง หลังจากคุยกับป๊าแล้ว เราเลยตกลงกันว่าแม่จะอดทนต่อโดยไม่ใช้วิธีใดๆ ทั้งสิ้น

จนกระทั่งบ่ายสามโมง แม่ก็รู้สึกว่าแม่ทนไม่ไหวแล้ว แม่รู้สึกผิดมากๆ คิดว่าทำไมแม่ช่างไม่มีความอดทนเอาเสียเลย ในที่สุดป๊าก็บอกแม่ว่าไม่ไหวก็บล็อคหลังเถอะ คุณพยาบาลจึงตามคุณหมอมาทำการบล็อคหลังให้แม่ ทำให้ความเจ็บปวดลดลงไปมาก จนกระทั่งเกือบ 5 โมงเย็น คุณหมอก็มาตรวจแม่อีกครั้ง ปรากฏว่าปากมดลูกเปิดเกือบหมดแล้ว แต่ทีท่าของคุณหมอและพยาบาล ทำให้แม่รู้สึกว่าการคลอดแบบปกติของแม่ คงจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิด จนกระทั่งหกโมงเย็น ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว แม่รู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว แม่ร้องไห้ตลอดเวลา คุณพยาบาลก็พยายามสอนให้แม่ออกแรงเบ่ง แต่ดูเหมือนว่าหนูจะไม่สามารถออกมาได้ง่ายๆ คุณหมอจึงบอกกับป๊าว่าหัวหนูติดกระดูกเชิงกรานแม่ ไม่สามารถออกมาได้ เพื่อความปลอดภัยของหนู ควรจะทำการผ่าตัดดีกว่า แล้วแม่ก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด

ในที่สุดหนูก็ออกมาลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกเมื่อเวลา 18.35 น. ของ วันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย. 2545 ตอนที่อยู่ในห้องผ่าตัด แม่รู้สึกตัวแบบสะลึมสะลือเนื่องจากฤทธิ์ยา แต่แม่ก็ได้ยินคุณหมอบอกว่าหนูเป็นผู้หญิง น้ำหนัก 3130 กรัม แม่รู้สึกดีใจมากที่รู้ว่าหนูเป็นผู้หญิง เพราะป๊าอยากได้ลูกสาวมาก แต่ที่แม่ดีใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อแม่ถามคุณหมอว่าหนูปกติดีหรือเปล่า แล้วคุณหมอตอบว่าหนูสมบูรณ์ดี หลังจากนั้นแม่ก็ไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไรนักจนกระทั่งประมาณ 3 ทุ่ม แม่จึงรู้สึกตัวอีกครั้ง และได้ย้ายมาอยู่ที่ห้องพัก

ป๊าเล่าให้ฟังว่าครั้งแรกที่เห็นหนู หนูร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าสงสารมาก แม่คิดว่าหนูคงจะถ่ายทอดลักษณะขี้แย และขี้ใจน้อยไปจากแม่แน่ๆ เลย อีกหน่อยป๊าคงลำบากใจน่าดูเวลาเห็นหนูร้องไห้มากๆ เพราะป๊าไม่ชอบเห็นคนร้องไห้ แม่ก็พยายามจะไม่ร้องนะ แต่ทุกครั้งที่ป๊าหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว ก็อดทำให้แม่คิดน้อยใจไม่ได้สักที แม่เลยแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ

prev // next