.-.-. A I - K O .-.-.

nitchawan - ppuk - hinghoi - ssff   

older recent guestbook host design

ไอโกะไปโรงเรียน ตอน2 // 2005-11-29

ไอโกะ : “ป่าป๊า.. ตอนนั้นนะ ไอโกะบอกไม่ไปโรงเรียน ไม่ไปโรงเรียน... ร้อง แง แง แง เลย...”

ป่าป๊า : “เออ แล้วป่าป๊าก็ถามไอโกะ ใช่ไม๊ว่าทำไมไม่อยากไปโรงเรียน ไอโกะบอกป่าป๊าว่าไงนะ”

ไอโกะ : “ไอโกะบอกว่าคุณครูไม่น่ารักค่ะ”

ป่าป๊า : “แล้วจริงๆคุณครูน่ารักไม๊คะ”

ไอโกะ : “น่ารักค่ะ ครูเหน่ง ครูโบว์ ครูชื่น ก็น่ารักค่ะ”

ป่าป๊า : “แล้วตอนนี้อยากไปโรงเรียนรึเปล่าคะ”

ไอโกะ : “อยากค่ะ ไอโกะไปเล่นกะนิหน่า กะซิลวี่ กะเจนนี่เลย พรุ่งนี้ป่าป๊าพาไอโกะไปอีกนะ”


รถเคลื่อนตัวอีกครั้ง โดยมีโรงเรียนอยู่ข้างหลัง โรงเรียนที่ป่าป๊าเพิ่งทิ้งไอโกะไว้อีกครั้งแล้ว ป๊าได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่คำพูดโต้ตอบเหล่านี้จะเกิดขึ้นซะทีนะ ป๊ารู้แค่ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น คงไม่นานจากนี้นัก แต่ป๊าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นนับถอยหลังที่เลขเท่าไหร่ดีเท่านั้น...

ไอโกะ วันนี้ป่าป๊าก็ยังรู้สึกแย่เหมือนเดิมเลย ป๊าไม่เคยคิดว่าตอนเริ่มต้นส่งลูกไปโรงเรียน จะทำให้ทรมานจิตใจได้ถึงเพียงนี้ แต่ป๊าก็ดีใจที่ป๊าเป็นผู้ทำหน้าที่นี้เอง ไม่อยากให้ใครได้มารับรู้ความรู้สึกอย่างนี้ด้วยเลย โดยเฉพาะหม่าม๊า และเพราะไอโกะเป็นเด็กดีมีวินัยทำให้พวกเรายิ่งสงสารหนูมากเป็นเท่าตัว

แต่ไอโกะยังโชคดีนะ ที่มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่ตลอด เมื่อวานนี้ทั้งอาม่า ทั้งกุ๊ง ก็คอยโทรมาถามไถ่ตลอด เฉพาะอาม่าคนเดียวก็ 4-5 ครั้งเข้าไปแล้ว ถ้าหนูเป็นคนดี ก็จะมีคนคอยห่วงใยหนูตลอดไปอย่างนี้แหละ

เมื่อวานนี้เป็นวันเริ่มต้นทรมานจิตใจวันแรก ตั้งแต่เริ่มไปโรงเรียนเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่พอกลับมาบ้าน หนูก็ร่าเริงเหมือนเดิม แม้จะมีการพูดถึงโรงเรียน หนูก็พูดเล่าให้ทุกคนฟังได้ อย่างไม่น่าวิตกเลย

เช้าวันที่ 29 พฤศจิกายน ไอโกะก็ยังคงลุกจากที่นอนกินนม อาบน้ำได้ตามปกติ

แต่มาถึงตอนใส่เสื้อ คราวนี้หนูไม่ยอมใส่แล้ว อ้างว่าเสื้อไม่สวย ตัวนั้นก็ไม่สวย ตัวนี้ก็ไม่สวย ในที่สุดป่าป๊าก็ต้องบังคับสวมไปซะตัวหนึ่ง หนูก็ไม่ได้ขัดขืน แต่ก็ร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียนอีก

ป๊าหันมาดูหม่าม๊าที่กำลังให้นมน้องโอกิอยู่ หม่าม๊านั่งร้องไห้ไปแล้ว

เออ...มีคนนั่งร้องไห้อย่างนี้ก็ดีไปอย่าง ทำให้ป่าป๊าต้องทำใจเข้มแข็งขึ้นมาหน่อย ดีกว่าสภาพที่นั่งกันอยู่ในรถเพียงลำพังสองคนกะไอโกะมาก

ในที่สุด หลังจากหม่าม๊ากะไอโกะร้องไห้กันพักนึง เราก็พาหนูขึ้นนั่งรถป่าป๊า ทั้งๆที่ยังร้องไห้อยู่ แต่หนูก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนอีกเช่นเคย

รถเคลื่อนตัวออกจากบ้าน ไอโกะสงบนิ่งลง และขอป๊ากินวิตามินซี ที่อยู่ในรถ จากนั้นก็นั่งร้องเพลงและพูดคุยกันสนุกสนานมาสักระยะหนึ่ง

“ฮือออ......” ไอโกะเริ่มต้นอย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย “ป่าป๊า ขา... ป่าป๊าไปทำงานสี่...”
“ป่าป๊า... ขา... ป่าป๊าไปทำงานสี่ค้า... ฮืออออ...”
“ป่าป๊า... ขา... ป่าป๊าไปทำงานก่อน.... แล้วไอโกะไปโรงเรียนก่อน...นะ.. ฮือออ...”

“ไอโกะ ให้ป่าป๊าไปทำงานก่อนแล้ว ไอโกะค่อยไปโรงเรียนทีหลังใช่ไม๊..”

“ใช่ค่ะ... ป่าป๊าไปทำงานก่อน.. แล้วไอโกะไปโรงเรียนก่อน แล้วไอโกะกลับบ้านกะป่าป๊าไง...ฮือ....”

“ไอโกะจะไปที่ทำงานป่าป๊าด้วยเหรอคะ”

“ค่ะ...ฮือ... ไอโกะไปทำงานกะป่าป๊า แล้วไอโกะไปโรงเรียนก่อนนะ ไอโกะไปทำงานป่าป๊านะ... ได้ไม๊ ฮือ...ได้ไม๊คะ.... ฮือ....”

“ตอนนั้นไอโกะไปที่ทำงานป่าป๊า แล้วไอโกะก็กลัวคนที่ทำงานป่าป๊าไง จำได้ไม๊...”

ไอโกะหันหน้ามามองตรงๆอย่างมีความหวัง.. “ไอโกะไม่กลัวแล้ว ไอโกะไม่กลัวจริงๆค่ะ... ไม่กลัวจริงๆค่ะ..”

“เดี๋ยวไอโกะไป ไอโกะก็กลัวอีกนั่นแหละ..”

“ไม่กลัวจริงๆค่ะ... ป่าป๊าขา... สัญญานะ...” แล้วหนูก็ยื่นนิ้วก้อยน้อยๆ ยื่นมาให้ป๊าเหมือนเคย เมื่อเวลาเราสัญญากัน

น้ำตาเริ่มท่วมดวงตาป๊าอีกครั้ง เมื่อไหร่หนอความทรมานนี้จะจบลงซะทีนะ

ป๊าหยุดพูดได้สักพัก หนูก็หยุด และนั่งเหม่อลอยอีกพักใหญ่ ก่อนเริ่มขึ้นมาใหม่ แต่คราวนี้ไม่ร้องไห้ มีเพียงเสียงพูดที่สั่นเครือเท่านั้น

“ป่าป๊า.. ขา.... โทรถามคุณครูได้ไม๊..”

“ถามอะไรคะ..”

“โทรถามคุณครูได้ไม๊... ไอโกะไม่ไปโรงเรียนได้ไม๊”

“ไม่ได้หรอกลูก เด็กทุกคนต้องไปโรงเรียน ถึงจะเป็นเด็กดีไงคะ...”

“ป่าป๊า.. ขา.. ไอโกะไม่นอนได้ไม๊... ไอโกะไม่นอนโรงเรียนได้ไม๊... ไอโกะไม่นอนได้ไม๊...”

“ไอโกะไม่นอน แล้วไอโกะจะทำอะไรล่ะคะ”

“ไอโกะนั่งเฉยๆ”

“ได้ค่ะ งั้นป่าป๊าบอกครูโบว์นะว่าไอโกะไม่นอน จะนั่งเฉยๆนะ”

“ค่ะ...”

จากนั้นเราก็นั่งมาด้วยกันอย่างสงบ และเล่นกันเป็นพักๆ จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าประตูโรงเรียน หนูมองไปที่อาคารสำนักงาน ใบหน้าเรียบเฉย แต่ฉายด้วยแววกังวลพอสมควร

ครูตา (ครูห้องหนูน้อย1) เปิดประตูรถเข้ามาอุ้มหนูออกไป หนูเริ่มร้องไห้และหันมองป่าป๊า ห่างออกไปจากตัวรถทุกที ทุกที แล้วป่าป๊าก็ต้องรีบเคลื่อนรถออกไป (เพราะมีรถรอต่ออยู่ด้านหลังอีกหลายคัน)

ใบหน้าที่หันมามอง เต็มไปด้วยน้ำตา และเช่นเคยปราศจากการดิ้นรนใดๆทั้งสิ้น ป่าป๊าไม่รู้ว่าในใจหนูคิดอย่างไร แต่ในใจป่าป๊า เหมือนเราเป็นเพชฌฆาตอีกแล้ว

หม่าม๊าบอกว่าอ่านบันทึกเรื่องนี้แล้วเศร้ามาก ร้องไห้ตลอด แต่ที่ป่าป๊าเขียนนี้ ไม่ได้ต้องการทำให้เกิดอาการเศร้าหมองในหมู่คนรอบข้างหนูหรอกนะ ป่าป๊าเพียงอยากให้หนูรู้ไว้ว่า ป๊าต้องบันทึก (ที่ผ่านมาที่เคยเขียนบันทึก เพราะหม่าม๊าขอร้องให้ช่วยเขียนเท่านั้นเอง) เพราะในเหตุการณ์นี้ ขณะที่ป๊าสะเทือนใจในสิ่งที่ได้รับรู้ แต่ก็เป็นความสะเทือนใจ เพราะความภูมิใจในตัวหนูนั่นแหละ เพราะถึงแม้หนูจะร้องไห้ แต่หนูก็พยายามทำใจยอมรับในสิ่งที่ต้องทำอยู่ตลอดเวลา ป๊าว่าหนูจะต้องเอาชนะใจตัวเองได้ในที่สุดนะ

และซักวันหนึ่งเมื่อหนูได้มานั่งอ่านไดฯของหนูนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้หนูภูมิใจในตัวเอง ว่าครั้งหนึ่งเมื่อหนูยังเล็ก หนูเข้มแข็งและสามารถเอาชนะใจตนเองได้(หรือไม่)อย่างไรไงคะ .....

รัก.... ป่าป๊าเอง.....

prev // next