.-.-. A I - K O .-.-.

nitchawan - ppuk - hinghoi - ssff   

older recent guestbook host design

"เจ๊ผิง...มาดูกัน..." // 2006-04-07

ไอโกะ

ช่วงนี้หม่าม๊า.. ดูจะค่อนข้างยุ่งหน่อยทั้งงานราษฎร์ งานหลวง หรือแม้กระทั่งงานกุศล เลยไม่ค่อยได้แวะเวียนมาเขียนบันทึกให้หนูเลย
ป๊าก็วนมาดูบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่มีเรื่องราวเพิ่มเติม เลยขอบันทึกแก้ขัดไปก่อนละกันนะไอโกะ

เจ๊ผิงได้กลับอุดรไปแล้ว.. เนื่องจากเกิดคิดถึงบ้านขึ้นมากระทันหัน... แต่ยังคงมีควันหลงเรื่องราวของหนูกะเจ๊ผิงอยู่บ้าง เรามาดูกันนะ....

ที่ผ่านมา หนูไม่ค่อยได้มีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกันสักเท่าไรนัก เท่าที่ป๊าจำได้ ก็เห็นจะมีแต่ปุ๊กกี้ เหยาเหยา ผิงผิง เป๋าเป่า... ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นเด็กในวัยเดียวกัน เวลาเล่นก็ต่างคนต่างเล่น คือสรุปว่าเล่นด้วยกันไม่เป็นน่ะ...
หรือถ้ารุ่นโตหน่อย ก็ พี่กิ่ง กะ พี่สิมา ก็แสนจะคอยดูแลเอาใจหนูอยู่ตลอด (จนออกจะเกินไปหน่อยด้วยซ้ำสำหรับพี่กิ่ง)
ก็เพิ่งจะมาเจอเจ๊ผิงนี่แหละ ที่มาอยู่เล่นกะหนูนานพอสมควร และก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากที่หนูเคยเจอมา ซึ่งป๊าก็เห็นเหมือนกันว่าหลายๆครั้งหนูก็รู้สึกสับสนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเจ๊ผิง

เมื่อวันก่อน ป๊านั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น....
“เร็ว.. เจ๊ผิงมาดูกัน เร๊วว...” เสียงไอโกะดังมาจากด้านข้าง
“ไม่เอาเจ๊ผิงไม่ดู” เจ๊ผิงพูดขณะกำลังเดินผ่านหน้าป๊าพอดี
“เจ็ผิง.. มาดูนี่ เจ๊ผิง.. มาดูนี่ เร๊วว..”
“ไม่ดู...”
ป๊าเริ่มสงสัยว่าหนูจะให้เจ๊ผิงดูอะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่จะลุกไปดู หนูก็วิ่งมาถึงตัวเจ๊ผิงเสียแล้ว ทำหน้าเป็นงานเป็นการ และไม่ได้สนใจว่าท่าทีเจ๊ผิงกำลังเป็นอย่างไร หนูคว้าข้อมือซ้ายเจ๊ผิง แล้วดึงกลับไปทางที่หนูมาทันที
เจ๊ผิงไม่ทันระวังตัว เลยถูกหนูดึงหันกลับไปสองสามก้าว ก่อนจะหยุดและสบัดมือหลุดออก
ไอโกะยังคงทำหน้าที่ต่อไป (หนูทำเหมือนมันเป็นหน้าที่ๆต้องทำอย่างนั้นแหละ..) แต่คราวนี้ หนูวิ่งอ้อมมาด้านหลังเจ๊ผิง ก้มตัวรวบเอวเจ๊ผิง แล้วออกแรงดันเหมือนนักรักบี้ก็ไม่ปาน
เหมือนเดิม... เจ๊ผิงขยับไปสองก้าว ก่อนจะยันเท้าอยู่ และแกะแขนไอโกะออก...
“เจ๊ผิง บอกไม่ดูไง..” เจ๊ผิงตวาดเสียงดังเล็กน้อย
ไอโกะเดินกลับมายืนตรงหน้าอีกครั้ง สีหน้ายังคงราบเรียบ “เจ๊ผิง ไปดูค่ะ...”
(หนูคงเข้าใจเหมือนทุกครั้งที่หนูพูดไม่มี “คะ..ขา..” ป่าป๊ากะหม่าม๊าก็จะเฉยต่อสิ่งที่หนูร้องขอ รอจนหนูพูดมี ”คะ..ขา..” เสียก่อน เราถึงจะทำตามคำเรียกร้องนั้น...)
“ไม่ดู..” (วีธีนี้ใช้ไม่ได้สำหรับเจ๊ผิงเสียแล้ว)
ต่างคนต่างเดินแยกทางกันไป เจ๊ผิงเดินไปเล่นของเล่น ส่วนหนูเดินกลับไปทางเดิม...
หม่าม๊าเดินลงมาจากชั้นสองพอดี “ไอโกะ.. ทำอะไรอยู่น่ะ เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก...” หม่าม๊าเดินตรงเข้าไปหาไอโกะ ที่กำลังปีน จักรยานออกกำลังกายชำรุดข้างตู้ปลา เพื่อปีนดูปลาในตู้
หม่าม๊าก็เลยอุ้มหนูสูงขึ้นกว่าที่เคยปีน ทำให้หนูชอบใจ และหัวเราะอย่างมีความสุข พักนึงก่อนจะอุ้มหนูลงมา “พอแล้วนะ หม่าม๊าเมื่อย...”
พอลงถึงพี้น หนูก็พบว่าเจ๊ผิงมายืนอยู่ข้างๆมองหม่าม๊าอยู่ก่อนแล้ว หม่าม๊าเลยถามเจ๊ผิง “เจ๊ผิงก็อยากดูเหมือนกันเหรอ...”
เจ๊ผิงยิ้มรับทันที... หม่าม๊าก็เลยอุ้มเจ๊ผิงขึ้นไปดูบ้างอย่างสนุกสนานเหมือนกัน
แต่ข้างล่าง... ป๊าเห็นหนูยืนเอียงคอ ที่หัวคิ้วมีปมขมวดเล็กน้อย ขณะที่มองเจ๊ผิงดูตู้ปลาอย่างมีความสุข...

ป๊าแน่ใจว่าหนูคงไม่ได้อิจฉาเจ๊ผิงหรอก... แต่หนูคงจะงงว่า ทำไมเจ๊ผิงถึงอยากดูขึ้นมาเฉยๆ ทั้งๆที่หนูก็พยายามชวนแล้ว... ป๊าอยากบอกว่า...นี่แหละคือคนส่วนหนึ่งในสังคมจริงที่หนูคงต้องพบเจอในอนาคต เมื่อหนูพบเจอบ่อยเข้า ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็คงจะชินไปเอง และคงเข้าใจว่าทำไมเราต้องเลือกคบคนและจะเลือกคบคนอย่างไร...

กรณีเจ๊ผิง... ป๊าไม่อยากให้หนูหรือใครๆที่บังเอิญได้อ่านบันทึกเข้าใจไม่ดีกับเจ๊ผิง แต่กรณีนี้เป็นความเห็นที่แตกต่างของผู้ปกครองเด็กเอง.... โดยเฉพาะผู้ปกครองรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่ ที่อยากปล่อยให้เด็กได้แสดงออกเต็มที่ โดยไม่ไปขัดขวาง ถึงแม้บางสิ่งที่เขากระทำอาจไม่ถูกต้องบ้าง แต่เชื่อว่าเขาก็ยังเป็นเด็ก แม้จะพูดคุยสั่งสอน เด็กก็อาจยังไม่เข้าใจ รอเมื่อเขาโตขึ้นพอจะเข้าใจ จึงค่อยชี้แนะให้เขาเข้าใจจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการปิดกั้นความสามารถของเด็กไปได้...

ซึ่งตรงข้ามกับป๊ากะม๊า ที่ยังยึดถือภาษิตโบราณ
“รักวัวให้ผูก.. รักลูกให้ตี..”
“ไม้อ่อนดัดง่าย.. ไม้แก่ดัดยาก..”
และจากที่ได้เห็นมา...... ป๊ายังคงเชื่อมั่นต่อไป และอยากจะบอกกับหนูว่า......
“ภูมิใจในสิ่งที่หนูทำเสมอมาจ๊ะ....”

prev // next